กรุงเทพฯ (สนามบินดอนเมือง) – อุดรธานี-หนองคาย – เวียงจันทน์ – ประตูซัย – พระธาตุหลวง – หอพระแก้ว – วังเวียง – ล่องแม่น้ำซอง
04.00 น.
คณะพร้อมกันที่ ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง อาคาร 1 ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ บริเวณเคาน์เตอร์เช็คอินสายการบิน นกแอร์ (Nok Air) เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยให้การต้อนรับ และอำนวยความสะดวกในการเช็คอินรับบัตรโดยสาร **หมายเหตุ** เคาน์เตอร์เช็คอินจะปิดบริการก่อนเวลาเครื่องออกอย่างน้อย 60 นาที และผู้โดยสารพร้อม ณ ประตูขึ้นเครื่องก่อนเวลาเครื่องออก 30 นาที
เนื่องจากตั๋วเครื่องบินของคณะเป็นระบบ Random ไม่สามารถล็อกที่นั่งได้ ที่นั่งอาจจะไม่ได้นั่งติดกัน และไม่สามารถเลือกช่วงที่นั่งบนเครื่องบินได้ในคณะ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขสายการบิน หากท่านต้องการระบุที่นั่ง มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม โปรดสอบถามพนักงานขาย
05.55 น.
ออกเดินทางบินลัดฟ้าสู่ อุดรธานี โดย นกแอร์ (Nok Air) เที่ยวบินที่ DD088 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 5 นาที ไม่มีบริการอาหาร และเครื่องดื่ม *ขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนสายการบินเป็นสายการบินไทยไลออนแอร์ หรือสายการบินแอร์เอเชีย ในกรณีที่มีการยกเลิกเที่ยวบิน , การเปลี่ยนแปลงเวลาเดินทางของเที่ยวบิน หรือจำนวนที่นั่งไม่เพียงพอ*
07.00 น.
เดินทางถึง สนามบินอุดรธานี ให้ท่านรับสัมภาระให้เรียบร้อย ไกด์นำเที่ยวรอท่านอยู่ด้านนอกที่จุดนัดพบ จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ด่านพรมแดนไทย-ลาว จังหวัดหนองคาย นำท่านเดินทางสู่ นครหลวงเวียงจันทน์ นำท่านชม ประตูซัย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของนครเวียงจันทน์ บนถนนล้านช้าง จะไปสิ้นสุดที่บริเวณประตูชัย สร้างเสร็จในปี พ.ศ.2512 เป็นอนุสรณ์สถาน เพื่อระลึกถึงประชาชนชาวลาว ที่สละชีวิตในสงครามก่อนหน้าการปฏิวัติพรรคคอมมิวนิสต์ประตูชัย
มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า รัยเวย์แนวตั้ง เพราะการก่อสร้างนี้ใช้ปูนซีเมนส์จากประเทศอเมริกา ที่ซื้อมาเพื่อสร้างสนามบินใหม่ในเวียงจันทน์ ในระหว่างสงครามอินโดจีน แต่พ่ายเสียก่อน จึงได้นำมาสร้างประตูชัยแทน เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานศิลปะล้านช้าง กับฝรั่งเศสเข้าด้วยกันอย่างงดงาม และกลมกลืนอย่างยิ่ง
กลางวัน
บริการอาหารกลางวัน
บ่าย จากนั้นนำท่านชม พระธาตุหลวง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประตูชัย เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติลาว มีความหมายต่อจิตใจของประชาชนชาวลาวอย่างใหญ่หลวง แทนถึงความเป็นเอกราช และอำนาจอธิปไตยของลาวสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 เป็นเจดีย์ที่มีลักษณะโดดเด่นที่สุดในอาณาจักรล้านช้าง เป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมในพระพุทธศาสนา กับสถาปัตยกรรมของอาณาจักร มีลักษณะคล้ายป้อมปราการ มีการก่อสร้างระเบียงสูงใหญ่ขึ้นโอบล้อมองค์พระธาตุไว้ พร้อมกับทำช่องหน้าต่างเล็กๆ เอาไว้โดยตลอด ประตูทางเข้าเป็นบานประตูไม้ใหญ่ลงรักสีแดงรอบๆ องค์พระธาตุยังมีเจดีย์บริวารล้อมอยู่โดยรอบ
จากนั้นนำท่านชม หอพระแก้ว สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ.2108 โดยพระเชษฐาธิราชกษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้าง เป็นวัดหลวงประจำราชวงศ์ และใช้เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต จากนั้นได้อัญเชิญมาที่ประเทศไทย ปัจจุบันพระแก้วมรกต ที่ประดิษฐานอยู่ในวัดพระแก้ว ประเทศไทย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วังเวียง เมืองในลุ่มน้ำซองที่เงียบสงบโอบล้อมไปด้วยขุนเขากับสายหมอกยามเช้าที่สวยที่สุด ดังคำล่ำลือที่นักท่องเที่ยวขนานนามว่า กุ้ยหลินเมืองลาว
จากนั้นนำท่าน ล่องเรือแม่น้ำซอง ชมธรรมชาติ และเก็บภาพบรรยากาศ ทัศนียภาพอันงดงามที่รายล้อมเมืองนั้นเป็นที่ราบที่ถูกขนาบด้วยภูเขาหินปูนน้อยใหญ่ ที่รู้จักในฉายา “กุ้ยหลินเมืองลาว” สร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือน
เย็น
บริการอาหารเย็น
ที่พัก
Tavisouk Hotel ระดับ 3 ดาว หรือเทียบเท่า , เมืองวังเวียง
วังเวียง – นั่งรถไฟความเร็วสูง – หลวงพระบาง – วัดเชียงทอง – วัดวิชุนราช (พระธาตุหมากโม) – วัดใหม่สุวรรณมาราม – บ้านช่างไห – ถ้ำติ่ง – พระธาตุพูสี – ตลาดมืด
เช้า
บริการอาหารเช้า
08.45 น.
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สถานีรถไฟความเร็วสูง เส้นทางรถไฟลาว-จีน มีทั้งหมด 32 สถานีทั้งสถานีรับส่งผู้โดยสาร และสถานีขนส่งสินค้า ในส่วนของประเทศลาวได้เปิดรับส่งผู้โดยสารแล้ว 6 สถานี ได้แก่ บ่อเต็น , เมืองไซ , หลวงพระบาง , วังเวียง , โพนฮง และนครหลวงเวียงจันทน์ นำท่านสัมผัสบรรยากาศนั่งรถไฟความเร็วสูง นำท่านออกเดินทางสู่ หลวงพระบาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เนื่องจากตั๋วรถไฟของคณะเป็นระบบ Random ไม่สามารถล็อกที่นั่งได้ ที่นั่งอาจจะไม่ได้นั่งติดกัน และไม่สามารถเลือกช่วงที่นั่งบนรถไฟได้ในคณะ
09.40 น.
จากนั้นนำท่านสู่ วัดเชียงทอง ซึ่งเป็นวัดที่สำคัญ และมีความงดงามที่สุดแห่งหนึ่ง จนได้รับการยกย่องจากนักโบราณคดีว่า เป็นดั่งอัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมลาว วัดเชียงทองถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ผนังภายในปิดทองฉลุบนพื้นรักสีดำ เล่าเรื่องพุทธประวัติพระสุธน-มโนราห์ ทศชาติชาดก และภาพนิทานเพื่อนบ้าน พระประธานมีชื่อว่า “พระองค์หลวง” นอกจากวัดเชียงทองจะมีพระอุโบสถที่โดดเด่น ด้วยสถาปัตยกรรมแบบล้านช้างแล้ว การตกแต่งลวดลายตามผนังภายใน มีการตบแต่งด้วยการนำกระจกสีมาตัดต่อกันเป็นรูปต้นโพธิ์ขนาดใหญ่
ด้านข้างก็ติดเป็นรูปสัตว์ในวรรคดี ยามบ่ายที่แสงแดดส่องสะท้อนลงมาดูสวยงาม สถานที่ที่เราจะไปเยี่ยมชมอีกที่ ซึ่งมีความสำคัญ และเรื่องราวยาวนานเช่นเดียวกันคือ วัดวิชุนราช ที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าวิชุนราช (พ.ศ. 2046) นับเป็นอีกหนึ่งพระธาตุที่ชาวหลวงพระบางให้ความนับถือ ซึ่งเป็นพระธาตุที่มีรูปทรงคล้ายกับลูกแตงโมผ่าครึ่ง ชาวหลวงพระบาง จึงเรียกชื่อ พระธาตุหมากโม นี้มาจนถึงปัจจุบัน จากนั้นนำท่านชม วัดใหม่สุวรรณภูมาราม หรือที่ชาวหลวงพระบางเรียกกันสั้นๆ ว่า “วัดใหม่” เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชบุญทัน
ซึ่งเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์สุดท้ายของลาว และยังเคยเป็นที่ประดิษฐานพระบาง พระพุทธรูปคู่เมืองหลวง พระบางในรัชสมัยของเจ้ามหาชีวิตสักรินฤทธิ์ จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2437 จึงได้อัญเชิญพระบางไปประดิษฐานในหอพระบาง ภายในพระราชวังจวบจนกระทั่งปัจจุบัน เมื่อมาเยือนวัดแห่งนี้สิ่งที่เราจะสังเกตเห็นถึงความแตกต่างจากวัดอื่นๆ คือ ตัวอุโบสถ (สิม) ลักษณะจะเป็นอาคารทรงโรง หลังคามีขนาดใหญ่ มีชายคาปกคลุมทั้งสี่ด้านสองระดับต่อเนื่องกัน ผนังด้านหน้าพระอุโบสถตกแต่งด้วยภาพลงรักปิดทองดูเหลืองอร่ามงามตายาวตลอดผนัง เล่าเรื่องพระเวสสันดรชาดก โดยฝีมือช่างหลวงประจำรัชกาลเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์
กลางวัน
บริการอาหารกลางวัน
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ บ้านช่างไห ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อยู่ริมแม่น้ำโขง มีอาชีพในการหมักสาโท และต้มเหล้าขาว จำหน่าย และยังเป็นแหล่งรวมสินค้าพื้นเมืองจำพวก ผ้าทอลวดลายสวยงามมากมาย เครื่องเงิน วางจำหน่ายอย่างเป็นระเบียบ ชมความร่วมมือของชาวบ้านที่ได้จัดแต่งลานบ้าน อย่างสวยงามเพื่อรอรับนักท่องเที่ยว จากนั้นเดินทางสู่ท่าเรือบ้านช่างไห เพื่อล่องเรือเดินทางชมวิวทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำโขงสู่ ถ้ำติ่ง ซึ่งเป็นถ้ำอยู่บนหน้าผาริมแม่น้ำโขงมีอยู่ 2 ถ้ำ คือ ถ้ำล่าง และถ้ำบน ถ้ำติ่งลุ่ม หรือถ้ำล่างสูง 60 เมตร จากพื้นน้ำมีลักษณะเป็นโพรงน้ำตื้นๆ มีหินงอกหินย้อย มีพระพุทธรูปไม้จำนวนนับ 2,500 องค์ ส่วนใหญ่จะเป็นพระยืน
มีทั้งปางประทานพร และปางห้ามญาติ ถ้ำติ่งบน จะไปทางแยกซ้ายเดินขึ้นบันไดไป 218 ขั้น ปากถ้ำไม่ลึกมาก มีพระพุทธรูปอยู่ในถ้ำแต่ไม่มากเท่าถ้ำล่าง สมัยโบราณเป็นที่สักการะบวงสรวงดวงวิญญาณ ผีฟ้า ผีแถน เทวดาผาติ่ง ต่อมาพระเจ้าโพธิสารทรงเลื่อมใสพระพุทธศาสนา เป็นผู้นำพระพุทธรูปเข้ามา และจึงทรงใช้ถ้ำติ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธศาสนา
การจากนั้นนำท่านขึ้นสู่ เขาพูสี นมัสการ พระธาตุพูสี เจดีย์ธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวหลวงพระบาง ตลอดทางขึ้นท่านจะได้รับความกลิ่นหอมจากดอกจำปาลาว (ดอกลีลาวดี) ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติลาว สามารถมองเห็นวิวหลวงพระบางได้โดยรอบ และยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินอันสวยงาม ซึ่งเป็นบรรยากาศที่พลาดไม่ได้ เมื่อได้มาเยือนหลวงพระบาง
เย็น
บริการอาหารเย็น
หลังอาหารค่ำอิสระเดินเที่ยวชม ตลาดมืด (NIGHT MARKET) บนถนนศรีสว่างวงศ์ ตั้งแต่หน้าพระราชวังจนสุดถนน ให้ท่านได้เลือกชมเลือกซื้อสินค้าในบรรยากาศแบบหลวงพระบางยามราตรี มีทั้งเสื้อยืดสกรีนเป็นภาษาลาว , ผ้าคลุมไหล่ , กระเป๋าถือ , เครื่องประดับ , โลหะเกะสลัก , ภาพเขียน ฯลฯ จุดเด่นคือ สินค้าแทบทุกชิ้นเป็นสินค้าแฮนด์เมดของชาวบ้านแท้ๆ วางจำหน่ายในราคาที่ต่อรองกันได้
ที่พัก
Sunway Hotel ระดับ 3 ดาว หรือเทียบเท่า , เมืองหลวงพระบาง
ตักบาตรข้าวเหนียว – ตลาดเช้า – พระราชวังหลวงพระบาง (พิพิธภัณฑ์) – ศูนย์เครื่องเงิน – นั่งรถไฟความเร็วสูง – เวียงจันทน์ – หนองคาย – สนามบินอุดรธานี – ดอนเมือง (กรุงเทพฯ)
05.30 น.
ตื่นเช้าทำธุระส่วนตัว จัดแจงเครื่องแต่งกายเพื่อรอ ใส่บาตรข้าวเหนียว พร้อมกับประชาชนชาวหลวพระบาง ซึ่งพระสงฆ์ และสามเณรจากวัดต่างๆ ทั่วเมืองหลวงพระบางจะออกมาบิณฑบาตเป็นแถวนับร้อยรูป ซึ่งเป็นภาพอันน่าประทับใจ และสื่อถึงความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ของชาวเมืองหลวงพระบาง (ค่าทำบุญของใส่บาตร ไม่รวมในรายการ)
จากนั้นอิสระให้ท่านเดินชม ตลาดเช้าของชาวหลวงพระบาง ซึ่งเป็น ตลาดสดให้ท่านเลือกซื้ออาหารพื้นเมือง และชมของป่า ซึ่งของป่าบางชนิดก็แปลกตา และเป็นที่สนใจของเหล่านักท่องเที่ยวผู้มาเยือน
เช้า
บริการอาหารเช้า
นำท่านชม พระราชวังหลวงพระบาง (พิพิธภัณฑ์) ลักษณะอาคารเก่าที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส สถาปัตยกรรมฝรั่งเศส ผสมผสานวัฒนธรรมลาว ด้านนอกอาคารเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ พระราชวังแห่งนี้อดีตนั้นเป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2518 พระราชวังหลวงพระบาง ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ภายในเป็นที่ประดิษฐานของ “พระบาง” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง นำท่านชม ศูนย์เครื่องเงิน ให้ท่านได้ชมงานฝีมือการทำเครื่องเงิน และเครื่องประดับของใช้ต่างๆ ที่มีการออกแบบไว้อย่างสวยงามเป็นสินค้าส่งออกที่มีชื่อเสียงของลาว
10.50 น.
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สถานีรถไฟความเร็วสูงหลวงพระบาง เส้นทางรถไฟลาว-จีนมีทั้งหมด 32 สถานีทั้งสถานีรับส่งผู้โดยสาร และสถานีขนส่งสินค้า ในส่วนของประเทศลาวได้เปิดรับส่งผู้โดยสารแล้ว 6 สถานี ได้แก่ บ่อเต็น , เมืองไซ , หลวงพระบาง , วังเวียง , โพนฮง และนครหลวงเวียงจันทน์ นำท่านสัมผัสบรรยากาศนั่งรถไฟความเร็วสูง นำท่านออกเดินทางสู่ นครหลวงเวียงจันทน์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เนื่องจากตั๋วรถไฟของคณะเป็นระบบ Random ไม่สามารถล็อกที่นั่งได้ ที่นั่งอาจจะไม่ได้นั่งติดกัน และไม่สามารถเลือกช่วงที่นั่งบนรถไฟได้ในคณะ
12.55 น.
เดินทางถึง เวียงจันทน์ จากนั้นนำท่านสู่ด่านชายแดนลาว-ไทย ให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้านานาชนิดให้เลือกซื้อเป็นของฝาก อิสระอาหารเที่ยง สมควรแก่เวลาจากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ฝั่งประเทศไทย เพื่อเดินทางสู่สนามบินอุดรธานี
19.00 น.
ออกเดินทางบินลัดฟ้าสู่ อุดรธานี โดย นกแอร์ (Nok Air) เที่ยวบินที่ DD309 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ไม่มีบริการอาหาร และเครื่องดื่ม*ขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนสายการบินเป็นสายการบินไทยไลออนแอร์ หรือสายการบินแอร์เอเชีย ในกรณีที่มีการยกเลิกเที่ยวบิน,การเปลี่ยนแปลงเวลาเดินทางของเที่ยวบิน หรือจำนวนที่นั่งไม่เพียงพอ*
20.00 น.
เดินทางถึง สนามบินดอนเมือง โดยสวัสดิภาพ พร้อมด้วยความประทับใจ